ราคาทอง

กระทรวงการต่างประเทศของจีนเปิดเผยว่า จีนจําเป็นต้องดําเนินมาตรการตอบโต้ ถ้าสหรัฐมุ่งมั่นที่จะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีน ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ต่อการอ่อนค่าของหยวน โดยจีนปล่อยให้หยวนร่วงตํ่ากว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ทศวรรษ โดยหยวนร่วงลงตํ่าถึง 7.1097 หยวนต่อดอลลาร์ในการซื้อขายออฟชอร์ และ 7.0424 ต่อดอลลาร์ในการซื้อขายออนชอร์ นอกจากนี้ ฟิทช์ เรตติ้งส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระบุว่า การทวีความร้อนแรงครั้งล่าสุดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนสร้างความเสี่ยงสําคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่จะกระทบคาดการณ์พื้นฐานก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียได้ถูกขายออกมา จนสร้างแรงซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคําสร้างระดับสูงครั้งใหม่ของปี การแกว่งตัวและความผันผวนของราคาทองคํา เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ แนะนําจับตาแนวต้านโซน 1,460-1,466 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองไม่ผ่านอาจทําให้มีแรงขายออกมากดดันราคาอีกครั้ง เบื้องต้นแนะนําแบ่งทองคําออกขายหากราคาทองไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าว สําหรับการเข้าซื้อประเมินแนวรับไว้ในโซน 1,441-1,437 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนควรเน้น ลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคาทองและตัดขาดทุนหากราคาหลุดโซน 1,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อลดความเสี่ยง ที่มา ylgbullion.co.th  

ราคาทองคําวันนี้ ปิดทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากในระหว่างวันราคาทองคําร่วงลงไปแตะระดับตํ่าสุดบริเวณ 1,398.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังนักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประกอบกับเกิดทัศนะเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนซึ่งก่อให้เกิดแรงขายทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนที่ราคาทองคําจะดีดกลับในที่สุด โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่แย่เกินคาดซึ่งกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง นอกจากนี้ ความเห็นของนายแลร์รีย์ คัดโลว์ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจทําเนียบขาวที่ออกมาระบุว่า สหรัฐอาจเดินหน้าเก็บภาษีเพิ่มต่อสินค้าจีนในท้ายที่สุด ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นในตลาด จนนักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคําเพื่อป้องกันความเสี่ยงอีกครั้ง ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคําลง -2.05 ตัน สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี Core PCE ของสหรัฐ และแนะนําจับตาการประชุมทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในวันเสาร์นี้ เวลา 09.30 น.ตามเวลาไทย นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่ญี่ปุ่น เพราะจะเป็นตัวชี้วัดว่าสงครามการค้าจะคลี่คลายหรือยังยืดเยื้อต่อไป ซึ่งผลการประชุมจะส่งผลต่อตลาดการเงิน และการคาดการณ์การดําเนินนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้ ที่มา ylgbullion.co.th

ราคาทองคําช่วงเช้าวันจันทร์เริ่มชะลอการร่วงลง หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลงกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคํายังฟื้นตัวได้อย่างจํากัด เพราะสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยคณะรัฐมนตรีจีนเปิดเผยว่า ทางการจีนจะขยายระยะเวลาในการระงับการเก็บภาษีนําเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มเติมจากสหรัฐหลังวันที่ 1 เมษายน หลังจากที่สหรัฐตัดสินใจชะลอเวลาการขึ้นภาษีสินค้านําเข้าจากจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ ดีดตัวขึ้นราว 2% ราคาทองคําจึงฟื้นขึ้นไม่มากนัก ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาต่อคือประเด็น Brexit ที่ไร้ทิศทางมากขึ้น หลัง สมาชิกสภานิติบัญญัติอังกฤษ ปฏิเสธข้อตกลงเบร็กซิทของนายกเทเรซา เมย์เป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบันเบร็กซิทมีกําหนดเกิดขึ้นในเวลา 04.00 น.ตามเวลาไทยในวันที่ 13 เม.ย.โดยมีความเสี่ยงมากขึ้นที่อังกฤษจะแยกตัวจากอียูแบบไร้ ข้อตกลง จึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป เพราะความไม่แน่นอนนี้ อาจกระทบให้ตลาดเกิดความผันผวนได้ สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. และดัชนี PMI ภาคการผลิตจากISM ของสหรัฐ ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หากราคาทองคําทดสอบแนวต้านที่ 1,300-1,311 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทํากําไรเนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคํามีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาหลุดโซนแนวรับสําคัญอยู่ที่ 1,286-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาอาจปรับตัวลงต่อ จึงแนะนํากลยุทธ์รอจังหวะเข้าซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,286-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากหลุด 1,280 […]

จากราคาทอง ธนาคารกลางจีน (PBOC) ส่งสัญญาณไม่พร้อมลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กําลังชะลอตัว แม้เงินเฟ้ออยู่ในระดับตํ่า มุมมองดังกล่าว กระตุ้นหยวนปรับตัวขึ น ขณะที่สหรัฐกดดันให้จีนป้องกันการอ่อนค่าของเงินหยวน โดยระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจที่เปิดทางไปสู่การทําข้อตกลงการค้าสุดท้ายและเป็นส่วนหน่งของข้อตกลงการค้า ในการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงวอชิงตัน โดยการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีระหว่าง สหรัฐและจีนจะเสร็จสิ้นในวันศุกร์นี้ แนวโน้มดังกล่าว เป็นปัจจัยที่ทําให้ค่าเงินเอเชียรวมถึงค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น โดยหยวนแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันจนแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่รอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งส่งผลลบต่อการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ สําหรับการเข้าซื้อแนะนําให้รอจังหวะเมื่อราคาทองอ่อนตัวลงใกล้บริเวณแนวรับ 1,335-1,327 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และนักลงทุนที่มีทองคําในมือ อาจขายบางส่วนหากราคาทองคําขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,346- 1,352 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาผ่านบริเวณแนวต้านดังกล่าว อาจชะลอการขายไปยังโซนแนวต้านถัดไปในโซน 1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่มา ylgbullion.co.th >> เช็คราคาทองวันนี้

ราคาทองคําช่วงเช้าวันนี้ทรงตัว มีทิศทางย่อตัวระยะสั้น เนื่องจากมีแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคําในฐานะสินทรัพย์ ปลอดภัย โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันศุกร์ (18 ม.ค.) หนุนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ขยับขึ้นเช่นกัน จากความคาดหวังว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจคลี่คลาย โดยแหล่งข่าวระบุว่า จีนเสนอแผนเพิ่มการนําเข้าสินค้าสหรัฐเป็นเวลา 6 ปี รวม มูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่คณะทํางานของปธน.ทรัมป์ กําลังหารือกันเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนําเข้าสินค้าจากจีนปัจจัยดังกล่าวหนุนสินทรัพย์เสี่ยงและกดดันให้ราคาทองคําอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าวันนี้ จีนเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2018 ขยายตัว 6.6% ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 28 ปี หรือ นับแต่ปี 1990 ขณะที่ GDP ไตรมาส 4 ปี 2018 ขยายตัว 6.4% ตามคาด โดยชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 6.5% นอกจากนี้ นักลงทุนรอความชัดเจนในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนอีกครั้งปลายเดือนม.ค.นี้ จึงทําให้ตลาดหุ้นฟื้นขึ้นได้ไม่ไกล ราคาทองคําจึงร่วงลงในกรอบจํากัด ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า ราคาทองคําเกิดแรงขายให้อ่อนตัวลงหลังจากที่ ดีดตัวขึ้นมาใกล้ 1,299 ดอลลาร์ต่อออนซ์ […]

บทวิเคราะห์ราคาทองภาคบ่าย ราคาทองคําช่วงเช้าวันนี้ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย หลังวันศุกร์ร่วงลงกว่า 9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตลาดทองคําได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงิน ดอลลาร์ หลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดจะใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและพร้ อมเปลี่ยนแผนลดงบดุล ซึ่งเป็นไปในเชิงกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคํา แต่ราคาทองคําปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก เนื่องจากตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะเปิดรับความเสี่ยง สะท้อนได้จากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์ขึ้นกว่า 700 จุดหนุนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เช่นกัน ส่งผลให้ราคาทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเผชิญแรงขายทํากําไรสลับออกมา โดยปัจจัยที่แนะนําติดตามต่อในระยะนี้คือ ความคืบหน้าการเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนในวันนี้และพรุ่งนี้ (7-8 ม.ค.) ขณะที่ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวว่า “การเจรจากับจีนดําเนินไปด้วยดีอย่างยิ่ง ผมเชื่อว่าพวกเขาต้องการทําข้อตกลงจริงๆ” หากเป็นไปด้วยดีอาจเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นเพิ่มเติมและกดดันราคาทองคําให้อ่อนตัวลงได้ นอกจากนี้ติดตาม ISM เปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนธ.ค.ของสหรัฐในคืนนี้ ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า ราคาขยับขึ้นแต่ก็มีแรงขายทํากําไรสลับออกมามากขึ้น หากราคาทองคําทดสอบแนวต้านที่ 1,299-1,309 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีแรงขายสลับเข้ามาอีกครั้ง แม้ว่าการปรับตัวลงและแรงขายค่อนข้างจํากัด แต่แนะนําให้จับตาแรงซื้อแรงขาย โดยหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้อ แนะนํากลยุทธ์การลงทุน เน้นเข้าซื้อเพื่อเก็งกําไรระยะสั้น โดยแนะนําให้นักลงทุนรอจังหวะ เข้าซื้อ หากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสําหรับการขายให้ทยอยทํากําไรหากราคาดีดตัวขึ […]

บทวิเคราะห์ราคาทองภาคค่ำ ราคาทอง ภาคบ่ายเพิ่มขึ้น ดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวใกล้จุดสูงสุดรอบ 7 เดือน อันเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเชิงรุกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แสดงถึงแนวโน้มเชิงผ่อนคลาย รวมทั้งการคาดการณ์ ว่าการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันพฤหัสบดีอาจจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เดิม ส่งผลให้ราคาทองคําเคลื่อนไหวใกล้ระดับตํ่าสุดรอบใน 5 เดือนครึ่งเช่นกัน ประกอบกับ ตลาดการเงินจีน, อินโดนีเซีย และไต้หวัน ปิดทําการในวันนี้ เนื่องในวันหยุดราชการ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายในช่วงเช้าเบาบางกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม การแกว่งตัวของราคาทองคําในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้า การลงทุนจึงยังคงต้องซื้อขายด้วยความระมัดระวัง โดยเน้นการเข้าซื้อขายทํากําไรระยะสั้นหากราคาทองคํามีการปรับตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน แนะนําให้เปิดสถานะขาย ทั้งนี้ประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,291 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคําไม่ผ่านแนวต้านราคาทองคําจะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,275 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือแนวรับถัดไปบริเวณ 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่มา ylgbullion   >> อ่านบทวิเคราะห์ราคาทอง ภาคเช้า วันที่ 19 มิถุนายน 2561 >> อัพเดตราคาทอง